วันนี้ผมจะมาเขียนบทความ เกี่ยว ลำโพง Monitor ที่เขาใช้กันทำเพลงใน Studio มีความสำคัญอย่างไร
ชุดลำโพง MONITOR
ลำโพง Monitor ถือเป็นหัวใจที่สำคัญมากอีกตัวหนึ่ง สำหรับการทำงานบันทึกเสียง ลำโพง Monitor เป็นเครื่องมือลำดับสุดท้ายที่จะส่งเสียงออกมาให้เราได้ยินว่างานของเราจะมีเสียงออกมาเป็นอย่างไร
บ่อยครั้งช่างเสียงมักจะสับสนในคุณภาพของงาน เพราะว่าลำโพง MONITOR คุณภาพต่ำอาจทำให้เราหลงทางได้
การเลือกใช้ลำโพง MONITOR ต้องทดลองให้ดี ขนาดของลำโพงไม่ควรใหญ่มากถ้าหากห้องทำงานมีขนาดเล็กลำโพง MONITOR ควรใช้ขนาด Wooferประมาณไม่เกิน 6 นิ้ว (เป็นความเห็นส่วนตัวครับ) และเมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องสร้างความคุ้นเคยกับมันให้มากๆ เรียกว่าต้องซ้อมฟังกันอย่างหนักกว่าจะ RUNIN ลำโพงได้ที่
ในปัจจุบันได้มีการผลิต MONITOR แบบ ACTIVE (มี POWE AMPLIFIER ในตัว) ออกมาขายกันมากมายหลายยี่ห้อ และมีคุณภาพสูงน่าใช้งานอีกทั้งขนาดก็ไม่ใหญ่โต เหมาะสำหรับการทำงานในลักษณะ Home Studio และ Bedroom Studio และยังถือว่าประหยัดเงินอีกด้วย เพราะว่าถ้าใช้ลำโพงแบบ PASSIVE ก็จะต้องหาปรีและเพาเวอร์แอมป์มาขับให้เหมาะสมกันอีก ก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร ซึ่งเมื่อรวมๆกันแล้ว ราคาอาจจะแพงกว่าลำโพง MONITOR แบบ ATIVE อีกมาก ตัวอย่างลำโพง MONITOR ที่นิยมใช้กันก็ได้แก่ YAMAHA MSP5A,ROLAND DS-7 หรือ EVENT ALP5 เป็นต้น
วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557
วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ไมโครโฟน
วันนี้ผมจะมาเขียนบทความ เรื่อง พวกอุปกณ์ต่างๆที่ใช้ใน Studio และวันนี้จะมาพูดถึงเรื่องไมค์โครโฟนกันครับ
Dynamic Microphones
เป็นไมโครโฟนที่เราพบเห็นกันทั่วไป ที่ใช้ร้องเพลง Karaoke หรือใช้ในการพูดประชาสัมพันธ์ หรือการแสดงดนตรี มีลักษณธโครงสร้างการออกแบบที่ไม่ซับซ้อน และทนทานต่อการใช้งาน หลักการทำงานง่ายๆ
องค์ประกอบของ Dynamic Microphones ประกอบด้วยขดลวดเป็นวงตรงกลาง มีแกนแม่เหล็กติดอยู่กับแผ่น Diaphragm เมื่อมีเสียงมาตกกระทบกับแผ่น Diaphragm จะทำให้ขดลวดมีการเคลื่อนตัวอยู่บนแก่นแม่เหล็ก ทำให้เกิดการเหนี่ยวนำ อละเกิดเป็นพลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นเสียงเพื่อนำไปขยายต่อไปยังระบบเครื่องขยายเสียง
ไมโครโฟน
เป็นเสมือนประตูทางเข้าของเสียงสู่ระบบการบันทึก ไมโครโฟนที่มีขายกันโดยทั่วไปมีอยู่หลายแบบหลายชนิด เช่น Dynamic Microphones,Condenser(Capactitor) Microphones,Electret condenser Microphones,Ribbon Microphones หรือ Carbon Microphones เป็นต้น แต่ที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันมากที่สุดได้แก่ Dynamic Microphones กับ Condenser Microphones เพราะฉะนั้นผมจะกล่าวถึงแต่ไมโครโฟน 2 ชนิดนี้เท่านั้นครับ
Dynamic Microphones
เป็นไมโครโฟนที่เราพบเห็นกันทั่วไป ที่ใช้ร้องเพลง Karaoke หรือใช้ในการพูดประชาสัมพันธ์ หรือการแสดงดนตรี มีลักษณธโครงสร้างการออกแบบที่ไม่ซับซ้อน และทนทานต่อการใช้งาน หลักการทำงานง่ายๆ
องค์ประกอบของ Dynamic Microphones ประกอบด้วยขดลวดเป็นวงตรงกลาง มีแกนแม่เหล็กติดอยู่กับแผ่น Diaphragm เมื่อมีเสียงมาตกกระทบกับแผ่น Diaphragm จะทำให้ขดลวดมีการเคลื่อนตัวอยู่บนแก่นแม่เหล็ก ทำให้เกิดการเหนี่ยวนำ อละเกิดเป็นพลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นเสียงเพื่อนำไปขยายต่อไปยังระบบเครื่องขยายเสียง
รูปภาพอ้างอิงจาก www.mediacollege.com
Dynamic Microphones ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็ได้แก่ Shure SM57, SM 58 ได้รับความนิยมมากในการแสดงดนตรีสด หรือการพูดในห้องพากษ์เสียงละครหรือภาพยนตร์ก็เคยเห็นมีใช้กันอย่างแพร่หลาย
รูปภาพอ้างอิงจาก www.audiocity2u.com
Condenser Microphones
เป็นไมโครโฟนที่ใช้กันใน Studio เป็นส่วนใหญ่ มีลักษณะโครงสร้างภายในที่บอบบาง แต่สามารถเก็บรายละเอียดของเสียงได้เร็วและกว้างกว่า Dynamic Microphones ในการใช้งาน Condenser Microphones จะต้องมีไฟมาเลี้ยงวงจร เรียกว่า Phantom Power มีลักษณะเป็นไฟ DC ขนาด 12-48 v. ค่ามาตราฐานส่วนใหญ่ใช้ 48v.
โครงสร้างของ Condenser Microphones ประกอบด้วยแผ่นเพลท 2 แผ่น วางคู่กัน เพลทแผ่นหน้าจะมีลักษณะเป็นแผ่นโลหะบางเบา ทำหน้าที่คล้ายแผ่น Diaphragm ของ Dynamic Microphones แผ่นเพลทหลังจะหนาและแข็งกว่าแผ่นหน้าตามภาพด้านล่าง โครงสร้างพื้นฐานของ Condenser Microphones จะเห็นว่ามีแบตเตอรี่ซึ่งใช้เป็น Phantom Power ส่งกระแสเข้าไปในวงจร ทำให้เกิดภาวะแบบ Capaciter (ตัวเก็บประจุไฟฟ้า) ระหว่างแผ่นเพลททั้งสอง
เมื่อมีคลื่นเสียงมากระทบกับแผ่นเพลทหน้า ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระยะระหว่างเพลท เมื่อแผ่นเพลทเคลื่อนที่เข้าใกล้กัน ค่า Capacitance จะเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการ Charge กระแสไฟฟ้าเกิดขึ้น และเมื่อแผ่นเพลทเคลื่อนที่ออกจากกัน ก็ทำให้ค่า Capacitance ลดลง ทำให้เกิดการ Discharge กระแสไฟฟ้าเกิดขึ้น เมื่อเกิดการ Charge และ Discharge สลับไปสลับมาตามการเคลื่อนตัวของแผ้นเพลทก็ทำให้เกิดเป็น AUDIO SIGNAL เป็นคลื่นเสียงเพื่อนำไปขยายต่อไปยังระบบเครื่องขยายเสียง
รูปอ้างอิงจาก www.cybergogy.com
ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจาก หนังสือ ทำบ้านให้เป็น Home Studio ครับ
วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557
เปิดธุระกิจของตัวเองมันไม่ได้ง่ายเลย
วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการ์ของผมให้ฟัง
ตั้งแต่ผมเรียนจบมา ผมก็ได้ไปสมัครงานที่หนึ่ง ที่เกี่ยวกับวงการดนตรีนี่แหละครับ เป็นร้านที่ผลิตเอฟเฟค ของคนไทยขึ้นมา เงินเดือนก็พออยู่ได้ครับ แต่ไม่ถึงกับว่าจะมีเงินเก็บ แต่ตอนนั้นผมยังไม่คิดด้วยซ้ำว่าผมจะมาเปิดสอนดนตรีเอง คือเรื่องของเรื่องเกิดจาก ลูกค้า ได้มาดูเอฟเฟค ลอง แล้วก็ซื้อ แล้วผมก็เลยถามไปเล่นๆว่า
ผม : น้องครับ ได้เรียนกีตาร์มาจากที่ไหนรึเปล่า
น้อง :เคย ครับ
ผม : ถามไปอีกว่า ตอนนี้ยังเรียนอยู่ไหม
น้อง : ก็ตอบว่าไม่ได้เรียนแล้ว
ผมก็เลยเสนอดูว่าให้ผมไปสอนให้ไหมสอนที่บ้านเลย สะดวกเราด้วย มีการจุงใจ ซึ่งตอนนั้นในหัวผมก็ไม่รู้จะสอนอะไรยังไง ต้องเริ่มจากไหน
น้องเขาก็ตกลง ที่จะเรียนกับผม จากนั้นผมก็เริ่มสอนและก็เก็บประสบการณ์ตัวเองไปเรื่อยๆ และผมก็พยายามหาลูกค้า ที่เขาเข้ามาที่ทำงานของผมเรื่อยๆ จนมีลูกฝรั่งมาเขามาติดต่อ ผมก็ทำแบบเดิมแต่ดีหน่อยคนนี้ไม่ไกลจากที่พักผมเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าไกลนะถ้าขับรถไป ก็เหนื่อยเอาเรื่องครับ และหลังจากที่ผมทำงานประจำได้ประมาณ 6 เดือน ผมก็ออกมา เพื่อที่จะตั้งตัวใหม่ทำอะไรที่มันเป็นเรามากที่สุด ตอนนั้นผมไม่มีร้านไม่มีอะไรเลยไม่มีทุน ผมก็เริ่มจากการออกไปสอนตามบ้านนี่แหละครับ ทำมาเรื่อยๆ จนผม ได้ที่เช่าที่หนึ่งนะครับ ใกล้ห้องผม ถ้าคนสนิทผมเข้ามาอ่านคงจะรู้นะว่าร้านนั้นอยู่ที่ไหน 555 ผมขอไม่บอกชื่อแล้วกันครับ ผมก็เช่ามาได้สักพักครับ แต่มันไม่ค่อยโอเค ค่าเช่าแพง ผม ต้องจ่าย สองเด้ง รวมกับ ห้องที่ผมเช่า ผมสู้ไม่ไหวครับ
หลังจากนั้นผมก็ยังไม่ออกครับ ก็ยังด้านอยู่ต่อ จน ผมต้องกลับมาคิดหลักการตลาดด้วยตัวเอง ว่าจะทำยังไงให้คนเขารู้จักเรามากที่สุด ผมก็เริ่มที่จะ ทำคลิป Cover เพลงก่อน ครับ เอาไปลง Youtube คนดูน้อยมาก ผมเริ่มท้อ ผมก็เอาคลิปไปลง เว็บ Guitarthai บ้าง ผมก็ยังไม่หยุดท้อครับ ทำต่อไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ผมแทบไม่ต้องเอาไปฝากเว็บใครเขาแล้ว อัฟเอง เดี๋ยวคนก็มาดูเอง เพราะเริ่มมีคนกดติดตามผมเยอะมากขึ้น แอดมาทาง Facebook มากขึ้น
บอกเลยนะกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้เนี้ย ไม่ใช่ง่ายๆนะครับ ผมทำคนเดียวคิดคนเดียว บางทีท้ออยากกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ด้วยซ้ำ แต่ผมไม่ทำครับ ผมอายุ แค่ 24 เองครับ จะมาท้ออะไรแค่เรื่องจิ๊บๆ พ่อแม่เคยลำบากกว่าผมอีกครับ
มาคุยต่อเรื่องกิจการดีกว่า เดี๋ยวมันจะออกนอกเรื่อง 555
ทีนี้ผมคิดแล้วว่าถ้าผมอยู่ที่นี่คงอดตายแน่ แต่ยังไม่ออกนะครับแค่คิด แต่มันเป็นเรื่องบังเอิญมาก ลูกค้าที่เคยมาทำกีตาร์กับผมอยู่บ่อยๆ เขาชื่อพี่แฮมครับ อยู่เชยๆเขาก็โทรมาหาผม จะเอากีตาร์มาให้ Set ให้ตอนนั้นผมอยู่ที่ห้องเลยชวนแกมาที่ห้องครับ จำได้ว่าแกแบก Gibson มาให้ทำครับ ส่วนมากต้องมีรูปภาพประกอบหน่อย
ตั้งแต่ผมเรียนจบมา ผมก็ได้ไปสมัครงานที่หนึ่ง ที่เกี่ยวกับวงการดนตรีนี่แหละครับ เป็นร้านที่ผลิตเอฟเฟค ของคนไทยขึ้นมา เงินเดือนก็พออยู่ได้ครับ แต่ไม่ถึงกับว่าจะมีเงินเก็บ แต่ตอนนั้นผมยังไม่คิดด้วยซ้ำว่าผมจะมาเปิดสอนดนตรีเอง คือเรื่องของเรื่องเกิดจาก ลูกค้า ได้มาดูเอฟเฟค ลอง แล้วก็ซื้อ แล้วผมก็เลยถามไปเล่นๆว่า
ผม : น้องครับ ได้เรียนกีตาร์มาจากที่ไหนรึเปล่า
น้อง :เคย ครับ
ผม : ถามไปอีกว่า ตอนนี้ยังเรียนอยู่ไหม
น้อง : ก็ตอบว่าไม่ได้เรียนแล้ว
ผมก็เลยเสนอดูว่าให้ผมไปสอนให้ไหมสอนที่บ้านเลย สะดวกเราด้วย มีการจุงใจ ซึ่งตอนนั้นในหัวผมก็ไม่รู้จะสอนอะไรยังไง ต้องเริ่มจากไหน
น้องเขาก็ตกลง ที่จะเรียนกับผม จากนั้นผมก็เริ่มสอนและก็เก็บประสบการณ์ตัวเองไปเรื่อยๆ และผมก็พยายามหาลูกค้า ที่เขาเข้ามาที่ทำงานของผมเรื่อยๆ จนมีลูกฝรั่งมาเขามาติดต่อ ผมก็ทำแบบเดิมแต่ดีหน่อยคนนี้ไม่ไกลจากที่พักผมเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าไกลนะถ้าขับรถไป ก็เหนื่อยเอาเรื่องครับ และหลังจากที่ผมทำงานประจำได้ประมาณ 6 เดือน ผมก็ออกมา เพื่อที่จะตั้งตัวใหม่ทำอะไรที่มันเป็นเรามากที่สุด ตอนนั้นผมไม่มีร้านไม่มีอะไรเลยไม่มีทุน ผมก็เริ่มจากการออกไปสอนตามบ้านนี่แหละครับ ทำมาเรื่อยๆ จนผม ได้ที่เช่าที่หนึ่งนะครับ ใกล้ห้องผม ถ้าคนสนิทผมเข้ามาอ่านคงจะรู้นะว่าร้านนั้นอยู่ที่ไหน 555 ผมขอไม่บอกชื่อแล้วกันครับ ผมก็เช่ามาได้สักพักครับ แต่มันไม่ค่อยโอเค ค่าเช่าแพง ผม ต้องจ่าย สองเด้ง รวมกับ ห้องที่ผมเช่า ผมสู้ไม่ไหวครับ
หลังจากนั้นผมก็ยังไม่ออกครับ ก็ยังด้านอยู่ต่อ จน ผมต้องกลับมาคิดหลักการตลาดด้วยตัวเอง ว่าจะทำยังไงให้คนเขารู้จักเรามากที่สุด ผมก็เริ่มที่จะ ทำคลิป Cover เพลงก่อน ครับ เอาไปลง Youtube คนดูน้อยมาก ผมเริ่มท้อ ผมก็เอาคลิปไปลง เว็บ Guitarthai บ้าง ผมก็ยังไม่หยุดท้อครับ ทำต่อไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ผมแทบไม่ต้องเอาไปฝากเว็บใครเขาแล้ว อัฟเอง เดี๋ยวคนก็มาดูเอง เพราะเริ่มมีคนกดติดตามผมเยอะมากขึ้น แอดมาทาง Facebook มากขึ้น
บอกเลยนะกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้เนี้ย ไม่ใช่ง่ายๆนะครับ ผมทำคนเดียวคิดคนเดียว บางทีท้ออยากกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ด้วยซ้ำ แต่ผมไม่ทำครับ ผมอายุ แค่ 24 เองครับ จะมาท้ออะไรแค่เรื่องจิ๊บๆ พ่อแม่เคยลำบากกว่าผมอีกครับ
มาคุยต่อเรื่องกิจการดีกว่า เดี๋ยวมันจะออกนอกเรื่อง 555
ทีนี้ผมคิดแล้วว่าถ้าผมอยู่ที่นี่คงอดตายแน่ แต่ยังไม่ออกนะครับแค่คิด แต่มันเป็นเรื่องบังเอิญมาก ลูกค้าที่เคยมาทำกีตาร์กับผมอยู่บ่อยๆ เขาชื่อพี่แฮมครับ อยู่เชยๆเขาก็โทรมาหาผม จะเอากีตาร์มาให้ Set ให้ตอนนั้นผมอยู่ที่ห้องเลยชวนแกมาที่ห้องครับ จำได้ว่าแกแบก Gibson มาให้ทำครับ ส่วนมากต้องมีรูปภาพประกอบหน่อย
แล้วเขาก็ถามผมต่อว่าผมเช่าห้องเดือนเท่าไหร่ ผมก็ตอบไป เขาก็บอกว่า แล้วห้องที่เช่าสอนละ ผมก็ตอบไป เขาก็ร้องเลย ว่าจ่ายไหวเหรอ ผมก็บอกว่า จ่ายไม่ไหวแล้วเนี้ยพี่ จะออกละ พี่เขาเลยเสนอ ห้องของเขาให้ผม ราคา แบบว่านะอยากย้ายไปตอนนี้เลย 555 ผมเลยไปดู ซึ่งมันไม่ไกลจากที่เก่าผมเลยครับ ใกล้มาก พอผมเห็นตอนแรกผมแบบยืนอึ้งเลย มันเป็นห้องติดถนน ในหมู่บ้านครับ กระจกใจ ก่อนหน้านี้เคยเป็นห้องร้านทำสปาครับนวดอะไรพวกนี้ครับ สภาพห้องใหม่มาก ผมก็พึ่งรู้ว่าพี่แฮมแกเป็นลูกเจ้าของที่นี่ ผม เลยตอบตกลงทันที แล้วจากนั้นผมก็เริ่มวางแผนใหม่ว่าจำอะไรกับห้องนี้บ้าง ก็อย่างตามที่รูปมีเลยครับ
นี่บริเวณหน้าร้านครับ
บอกเลยนะครับมันเหมือนผมเกิดใหม่จริงๆครับ ผมก็เริ่มสอนที่นี่มาจนปัจจุบันครับ นักเรียนก็มีเข้ามาเรื่อยๆครับ แต่ก็ยังไม่เกินคาด ผมว่ารออีกนิด เดี๋ยวมันจะลงตัวของมันเองครับ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ปกติผมไม่เคยคิดจะเขียนอะไรแบบนี้หรอก แต่บางทีผมก็อยากเก็บไว้เอาอ่านเองบ้างให้คนอื่นอ่านบ้าง
คนที่คิดจะทำอะไรต้องเกิดจากใจรักก่อนนะครับ แล้วเราจะมีความสุขกับมันครับผม สำหรับ บทควาทนี้สวัสดีครับ
มาเรียนกีตาร์กับผมอย่าลืมแวะทานก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมูตำลึงหลังรามคำแหง
เครดิตรูป www.wongnai.com
ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตำลึงต้มยำแห่งนี้เป็นร้านที่ผมเดินทางผ่านบ่อยมากเลย ตั้งอยู่ที่ซ.รามคำแหง24 แยก8 หรือเรียกกันง่ายๆว่าแถวหลังรามเดินทางมาสะดวกสบาย (ใกล้ร้านสอนดนตรีของผม) เมนูของทางร้านที่เรียกได้ว่าเป็นทีเด็ดของร้านไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูตำลึงซึ่งมากันแบบพูนชามใส่ทั้งเนื้อหมูและกระดูกหมูที่เคี่ยวจนเปื่อยทานง่ายแถบยังใส่แคปหมูที่ทางร้านทำเองทำให้เข้ากันอย่างลงตัวได้ทั้งอร่อยและทั้งอิ่มเลยทีเดียว จนกลายเป็นที่ติดอกติดใจกับลูกค้าที่แวะมาทาน คนจะเยอะมากในช่วงเวลาค่ำๆหน่อย แต่ว่าทุกทีที่ขับผ่านคือแบบจะเป็นช่วงเย็น ๆ ซึ่งทุกท่านก็น่าจะรู้กันว่าซอยนี้มีกิตติศัพท์ด้านรถติดมากอยู่แล้ว ผมก็เลยขี้เกียจจะแวะกินเพราะหาที่จอดรถยาก แต่โชคดีที่ร้านนี้เค้าเปิดทุกวันตั้งแต่ 08.00 - 05.00 น. หรือว่าเปิดกันแทบจะทั้งวัน พักแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง วันก่อนเกิดหิวกลางดึกขึ้นมาก็เลยชวนแฟนไปกินกันครับ
ร้านนี้สาเหตุที่ทำให้ผมอยากจะแวะกินมานานแล้วก็คือตัวชามที่คว่ำตั้งเป็นภูเขาอยู่หน้าร้าน และผมขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านทีไรก็ลูกค้านั่งกันเนืองแน่นตลอดเลย คือถ้าใครเห็นขับผ่านแถวนี้ เดินผ่านแถวนี้ก็คงอยากจะมาลองกันทั้งนั้นล่ะครับ
อาหารของร้านก็จะเน้นไปที่ก๋วยเตี๋ยวกับน้ำซุปกระดูกหมูเป็นหลัก โดยเส้นก๋วยเตี๋ยวของที่นี่จะมีให้เลือกค่อนข้างครบครัน เส้นบะหมี่ก็มีทั้งบะหมี่เหลือง, บะหมี่หยก, บะหมี่เป๊าะ ส่วนเส้นอื่น ๆ วุ้นเส้น, มาม่า, เส้นหมี่, เส้นใหญ่ ก็มากันครบ และเนื่องจากว่าติดกันกับร้านนี้จะเป็นร้านอาหารจานเดียวที่ขายพวกข้าวมันไก่, ข้าวหน้าต่าง ๆ ด้วยก็เลยทำให้มีอาหารครบแบบทั้งก๋วยเตี๋ยวและข้าว ผมลองสั่งมาชามครับคือ
บะหมี่กระดูกหมู : ชามนี้ของผมเอง เห็นบะหมี่แว่บแรกนี่แอบร้องว้าวในใจแบบเบา ๆ ครับ เพราะว่าให้มาเยอะมาก ตัวเครื่องนี่ให้มาทั้งกระดูกหมู, ตับหมู, เนื้อหมูสับ, แคบหมู ละลานตากันมาเลย น้ำซุปชามนี้ก็เข้มข้น ๆ หอม ๆ กระดูกหมูเหมือนกับตัวซุปกระดูกหมูเลย อร่อยดี
เส้นใหญ่ต้มยำกระดูกหมู : ชามนี้ของแฟนผมก็ทุกอย่างก็เหมือนกันหมดเลย แค่เปลี่ยนเป็นน้ำต้มยำแค่นั้นเอง ผมแอบชิมไปนิดนึง น้ำต้มยำของร้านนี้ทำมาเผ็ด รสจัดจ้านดีมากครับ เป็นต้มยำรสกลมกล่อมกำลังดี
ทั้งสองชามนี้ราคา40บาทเองครับ ถ้าสั่งพิเศษก็50บาท และภายในร้านยังมีบริการขายน้ำดื่มเป็นน้ำสมุนไพรอย่างเช่น น้ำกระเจี้ยบ น้ำลำไย หรือจะเป็นชาเย็น อะไรพวกนี้ก็มีนะครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะแก้วละ15บาทครับ
สรุปร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตำลึงต้มยำ ณ ซอยรามคำแหง 24แห่งนี้ (หลังราม)ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงมีชามกอง
พะเนินเป็นภูเขา และก็เปิดขายกันวันละ 21 ชั่วโมงแบบนี้ ก๋วยเตี๋ยวราคาไม่แพง ให้เครื่องเยอะ มีเส้นให้เลือกหลากหลาย ใครนึกอยากกินก๋วยเตี๋ยวอร่อย ๆ คุ้มค่า ๆ แบบนึกถึงเมื่อไรก็มากินได้แล้วล่ะก็มาจัดกันได้เลยกับร้านนี้ ถ้าใครยังไม่เคยลองชิมก็อย่าลืมแวะไปชิมกันนะครับขอบอกว่าอร่อยจริงๆ
วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557
มาดู Set Effect ของผมกันดีกว่าครับ
จากแต่ก่อนมีจนล้นบอร์ด ตอนนี้เหลือแค่นี้เอง ขายกินกันซะหมดเลย 5555 เปล่าหรอกครับ ผม เลือกใช้กับสิ่งที่คิดว่ามันจำเป็นสูงสุด ยิ่งมีหลายก้อนยิ่งหนัก ขี้เกียจแบก สุดๆเวลาจะออกไปเล่นดนตรีที่ไหน
เดี๋ยวผมจะไล่จากขวาไปซ้าย นะครับ ว่ามันมีอะไรบ้าง
ก้อนแรก
ภาพอ้างอิงจาก www.Google.co.th
เจ้าตัวนี้คือ Tuner หรือ ที่เราเรียกกันว่าเครื่องตั้งสายนั่นเองครับ ยี่ห้อ Tc electronic ตัวแทนอยู่ตรงรามคำแหงนี่เองครับใกล้ผมเลย แต่ผมจำซอยไม่ได้ ตัวนี้ผมได้มาฟรีจากนักเรียนของผมครับ 555 พี่แกใจดีมากๆ และเป็นTuner ที่ผมอยากได้มากที่สุด เพราะคุณสมบัติมันสุดยอดมาก สามารถตั้งสายพร้อมกันได้ 6 สายเลย และรับสัญญาณเร็วมากๆครับ ทำให้เราตั้งสาย ภาพในเวลา ไม่ถึง 30 วินาทีครับ และสามารถจ่ายไฟให้กับ Effect ก้อนอื่นด้วยนะครับ ถือว่าเยี่ยมเลย
ก้อนสอง
ตัวนี้เป็นEffect ยี่ห้อ Carl Martin เป็นเอฟเฟคที่จำลองเสียงแตกจาก แอมป์ยี่ห้อ Marshall ครับ ถ้าพูดถึงซาวด์ โดนยส่วนตัวผมชอบมาก ซื้อมายังคิดขายเลยครับ แตก แบบ หล่อๆ แนวไฮโซ ก็ว่าได้นะ 555 เอาตัวนี้เล่นทีไรคนชอบมาถามว่าผมใช้ เสียงแตก อะไรอยู่ ผมก็บอกและแนะนำ จนบางคนซื้อใช้ตามผมเลย ครับ เล่นกับที่วง ซาวด์ไม่จมครับ พุ่ง หนักแน่นมาก เปิด Drive แค่ 10 นาฬิกา ก็โหดแล้วครับ แต่แบบ เคลียๆ ไม่เบลอเลย รุ่นแนะนำเลยครับ ถ้าอยากรู้ต้องไปลองครับ ตัวแทนจะมีที่ร้าน String shop ครับ ร้านนี้บริการดีกันเองด้วยครับ
ก้อนสาม
รูปอ้างอิง Google.co.th
ตัวนี้เป็น Effect ของคนไทยเราเองครับ ค่าย Shark ครับ เป็น บูสเตอร์ เอาไว้บูสตอนเราโซโล่ครับ ตัวนี้เป็นบูสคลีนนะครับ ให้เนื้อเสียงที่ค่อนข้างหนามากครับ ค่อนข้างใช้ได้ดีเลยทีเดียว ราคาคนไทยด้วยครับ ไม่แพง สรรพคุณค่อนข้างที่จะโอเคมาก ผมเลยเลือกมาใช้งานครับ
ก้อนสี่
สุดท้ายมาจบที่ตัวนี้ครับ เป็น multieffect ที่ไม่เหมือนชาวบ้านเลยครับเพราะมันเป็นแบบ true bypass ครับ แม้จะถอดปลั้กเสียงมันก็ออก กรณีนี้มันจะไม่ติด Buffer เลย และไม่ทำให้เสียงกีตาร์เราดรอปด้วยครับ ผมเลือกเอามาใช้งาน ด้าน Modulation ครับ ลืมบอก ตัวนี้เป็น Line6 M9 นะครับ รู้สึกจะเลิกผลิตแล้ว แต่ในไทยยังมีร้านขายมือ 1 อยู่ครับ ของอยู่ที่ร้าน CT Music Shop ครับ เสียงดีมากบอกเลย ฟังก์ชั่น ค่อนข้างที่จะเยอะมาก เอาเป็นว่าเล่นไม่หมดครับ ลูกเล่นเยอะ ปรับง่ายใช้งานง่ายครับ ปรับเหมือนก้อนเลยครับ และมันจะเซฟโดยอัตโนมัติครับผม
สรุป Effect ที่ผม ใช้ก็มีเท่านี้ครับ อนาคต อาจจะซื้อบูสเกน มาเล่นด้วยครับ แต่ยังไม่มีงบ 5555 ขอให้บทความของผมมีประโยชน์กับผู้ที่เข้ามาอ่านนะครับ สวัสดีครับ
กีตาร์ที่ผมรักมากที่สุด
กีตาร์ที่ผมรักมากที่สุด
ก็คงไม่พ้นเจ้าตัวนี้
Musicman JP6 BFR
เป็นกีตาร์ ตัวที่3 ในชีวิตของผมเลยก็ว่า หลายคนคงถามว่าซื้อเองหรอ ตอบได้เลยว่า เปล่า แม่ซื้อให้ 5555 ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่จะเป็นคนซื้อให้จริงๆเพราะราคาเจ้าตัวนี้มันก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
ผมจึงได้ตั้งชื่อให้ ชื่อว่าน้องเสือดาว นะครับ เหตุผล บอดี้มันแปะด้วยไม้ลายควิ้นครับ แล้วมันเหมือนลายเสือ เลยจัดให้
ตัวนี้เป็นล็อตแรกของตระกูลนี้เลยครับ ผลิตตอนปี 2007 ถ้านับตอนนี้ อายุก็ปาไป 6 ปีแล้วครับ แก่มาก แต่ตัวนนี้ผมได้มือสองมานะครับ สู้ราคามือหนึ่งไม่ไหว
เจ้าเสื้อดาวตัวนี้ ถ้าพูดแล้ว ก็ทำเงินให้ผมมาเยอะพอสมควร เพราะสมัยที่ผมซื้อ ผม บ้า ล่า ประกวดดนตรี กันครับ กลาง อีสาน ใต้ ไปมาหมด ยกเว้นเหนือ แต่ตอนนี้แก่แล้วครับ นั่งสอน อยู่ที่ห้องของตัวเองแล้ว
และสิ่งที่ผมรักมันมากที่สุดคือมัน ตอบสนองผมมากทั้งซาวด์ ความรู้สึกตอนสัมผัส คือจับแล้วฟิน ก็ว่าได้ เป็นกีตาร์ที่ไปที่ไหนคนต้องขอถ่ายรุป ถ่ายผมหรอ? เปล่า ถ่ายกีตาร์ผมเนี้ย เวลาอยู่หน้าเวที ผมจะมีความมั่นใจสุดๆไปเลยก็ว่าได้
ซึ่งตอนนี้มันก็เริ่มแก่ตัวแล้ว ผมก็อยากจะเก็บมันไว้ในกล่องของมัน อยากให้มันพักผ่อนบ้าง แต่เนื่องด้วยผมเหลือกีตาร์สอนไม่กี่ตัวเลย ต้องจำใจเอามันมาให้หลายๆคนได้จับ ซึ่งผมก็กลัวมากที่เขาทั้งหลายจะทำมันเป็นรอย แต่ก็ต้องรอให้ผมมีตังสักก้อนจะได้ซื้อกีตาร์มาใหม่เพื่อไว้ใช้สอน
เรื่องราวทั้งหมดที่พิมมาถามว่ามีสาระไหม ไม่มีเลย 5555 แค่อยากจะมาแชร์ ประสบการณ์ในชีวิตของผมก็เท่านั้นเองครับ ไว้ใจกันใหม่ ในบทความหน้าสวัสดีครับ
ก็คงไม่พ้นเจ้าตัวนี้
เป็นกีตาร์ ตัวที่3 ในชีวิตของผมเลยก็ว่า หลายคนคงถามว่าซื้อเองหรอ ตอบได้เลยว่า เปล่า แม่ซื้อให้ 5555 ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่จะเป็นคนซื้อให้จริงๆเพราะราคาเจ้าตัวนี้มันก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
ผมจึงได้ตั้งชื่อให้ ชื่อว่าน้องเสือดาว นะครับ เหตุผล บอดี้มันแปะด้วยไม้ลายควิ้นครับ แล้วมันเหมือนลายเสือ เลยจัดให้
ตัวนี้เป็นล็อตแรกของตระกูลนี้เลยครับ ผลิตตอนปี 2007 ถ้านับตอนนี้ อายุก็ปาไป 6 ปีแล้วครับ แก่มาก แต่ตัวนนี้ผมได้มือสองมานะครับ สู้ราคามือหนึ่งไม่ไหว
เจ้าเสื้อดาวตัวนี้ ถ้าพูดแล้ว ก็ทำเงินให้ผมมาเยอะพอสมควร เพราะสมัยที่ผมซื้อ ผม บ้า ล่า ประกวดดนตรี กันครับ กลาง อีสาน ใต้ ไปมาหมด ยกเว้นเหนือ แต่ตอนนี้แก่แล้วครับ นั่งสอน อยู่ที่ห้องของตัวเองแล้ว
และสิ่งที่ผมรักมันมากที่สุดคือมัน ตอบสนองผมมากทั้งซาวด์ ความรู้สึกตอนสัมผัส คือจับแล้วฟิน ก็ว่าได้ เป็นกีตาร์ที่ไปที่ไหนคนต้องขอถ่ายรุป ถ่ายผมหรอ? เปล่า ถ่ายกีตาร์ผมเนี้ย เวลาอยู่หน้าเวที ผมจะมีความมั่นใจสุดๆไปเลยก็ว่าได้
ซึ่งตอนนี้มันก็เริ่มแก่ตัวแล้ว ผมก็อยากจะเก็บมันไว้ในกล่องของมัน อยากให้มันพักผ่อนบ้าง แต่เนื่องด้วยผมเหลือกีตาร์สอนไม่กี่ตัวเลย ต้องจำใจเอามันมาให้หลายๆคนได้จับ ซึ่งผมก็กลัวมากที่เขาทั้งหลายจะทำมันเป็นรอย แต่ก็ต้องรอให้ผมมีตังสักก้อนจะได้ซื้อกีตาร์มาใหม่เพื่อไว้ใช้สอน
เรื่องราวทั้งหมดที่พิมมาถามว่ามีสาระไหม ไม่มีเลย 5555 แค่อยากจะมาแชร์ ประสบการณ์ในชีวิตของผมก็เท่านั้นเองครับ ไว้ใจกันใหม่ ในบทความหน้าสวัสดีครับ
วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557
เพลง จากส่วนลึกของใจ - Glory
เนื้อเพลง จากส่วนลึกของใจ
กลอรี่ มิวสิค - จากส่วนลึกของใจ
เพราะความรักพระองค์ แม้ข้าพลั้งพลาดไป
หลายครั้งทำผิดมากมาย ทรงยอมให้เริ่มใหม่
เปรียบดั่งแสงส่อง ทรงนำข้าอยู่เสมอนิรันดร์
ไม่มีสิ้นสุด พระสิริพระองค์ล้อมข้าไว้
ทั้งชีวิตวิญญาณ ขอมอบแด่พระองค์
ขอรักของพระองค์...นำใจข้า
ข้าเชื่อฟังพระคำ จะสรรเสริญพระองค์
ข้ารักพระองค์หมด..ดวงใจ
น้ำพระทัย..พระองค์ ทรงรักข้ามากมาย
ขอก้มกราบด้วยใจถ่อม ยกย่องแต่พระองค์
เปรียบดั่งแสงส่อง ทรงนำข้าอยู่เสมอนิรันดร์
ไม่มีสิ้นสุด พระสิริพระองค์ล้อมข้าไว้
ทั้งชีวิตวิญญาณ ขอมอบแด่พระองค์
ขอรักของพระองค์...นำใจข้า
ข้าเชื่อฟังพระคำ จะสรรเสริญพระองค์
ข้ารักพระองค์หมด..ดวงใจ
เปรียบดั่งแสงส่อง ทรงนำข้าอยู่เสมอนิรันดร์
ไม่มีสิ้นสุด พระสิริพระองค์ล้อมข้าไว้
จากส่วนลึกของหัวใจ ข้าสรรเสริญ
สรรเสริญพระองค์ สรรเสริญด้วยสุดใจ ทั้งหมดใจข้า
สรรเสริญพระองค์ ด้วยสุดใจ สุดกำลัง
ทั้งชีวิตวิญญาณ ขอมอบแด่พระองค์
ขอรักของพระองค์...นำใจข้า
ข้าเชื่อฟังพระคำ จะสรรเสริญพระองค์
ข้ารักพระองค์หมด...ดวงใจ
เปรียบดั่งแสงส่อง ทรงนำข้าอยู่เสมอนิรันดร์
ไม่มีสิ้นสุด พระสิริพระองค์ล้อมข้าไว้
จากส่วนลึกของหัวใจ ข้าสรรเสริญ
สรรเสริญพระองค์ สรรเสริญด้วยสุดใจ
พระองค์เปรียบเป็นแสงส่อง ทรงนำข้าอยู่เสมอนิรันดร์
ไม่มีสิ้นสุด พระสิริพระองค์ล้อมข้าไว้
จากส่วนลึกของหัวใจ ข้าสรรเสริญ
สรรเสริญพระองค์ สรรเสริญด้วยสุดใจ
ด้วยสิ้นสุดกำลัง ขอสรรเสริญพระองค์
สรรเสริญแด่พระองค์ สรรเสริญด้วยสุดใจ ทั้งหมดใจข้า
เพราะความรักพระองค์ แม้ข้าพลั้งพลาดไป
หลายครั้งทำผิดมากมาย ทรงยอมให้เริ่มใหม่
เปรียบดั่งแสงส่อง ทรงนำข้าอยู่เสมอนิรันดร์
ไม่มีสิ้นสุด พระสิริพระองค์ล้อมข้าไว้
ทั้งชีวิตวิญญาณ ขอมอบแด่พระองค์
ขอรักของพระองค์...นำใจข้า
ข้าเชื่อฟังพระคำ จะสรรเสริญพระองค์
ข้ารักพระองค์หมด..ดวงใจ
น้ำพระทัย..พระองค์ ทรงรักข้ามากมาย
ขอก้มกราบด้วยใจถ่อม ยกย่องแต่พระองค์
เปรียบดั่งแสงส่อง ทรงนำข้าอยู่เสมอนิรันดร์
ไม่มีสิ้นสุด พระสิริพระองค์ล้อมข้าไว้
ทั้งชีวิตวิญญาณ ขอมอบแด่พระองค์
ขอรักของพระองค์...นำใจข้า
ข้าเชื่อฟังพระคำ จะสรรเสริญพระองค์
ข้ารักพระองค์หมด..ดวงใจ
เปรียบดั่งแสงส่อง ทรงนำข้าอยู่เสมอนิรันดร์
ไม่มีสิ้นสุด พระสิริพระองค์ล้อมข้าไว้
จากส่วนลึกของหัวใจ ข้าสรรเสริญ
สรรเสริญพระองค์ สรรเสริญด้วยสุดใจ ทั้งหมดใจข้า
สรรเสริญพระองค์ ด้วยสุดใจ สุดกำลัง
ทั้งชีวิตวิญญาณ ขอมอบแด่พระองค์
ขอรักของพระองค์...นำใจข้า
ข้าเชื่อฟังพระคำ จะสรรเสริญพระองค์
ข้ารักพระองค์หมด...ดวงใจ
เปรียบดั่งแสงส่อง ทรงนำข้าอยู่เสมอนิรันดร์
ไม่มีสิ้นสุด พระสิริพระองค์ล้อมข้าไว้
จากส่วนลึกของหัวใจ ข้าสรรเสริญ
สรรเสริญพระองค์ สรรเสริญด้วยสุดใจ
พระองค์เปรียบเป็นแสงส่อง ทรงนำข้าอยู่เสมอนิรันดร์
ไม่มีสิ้นสุด พระสิริพระองค์ล้อมข้าไว้
จากส่วนลึกของหัวใจ ข้าสรรเสริญ
สรรเสริญพระองค์ สรรเสริญด้วยสุดใจ
ด้วยสิ้นสุดกำลัง ขอสรรเสริญพระองค์
สรรเสริญแด่พระองค์ สรรเสริญด้วยสุดใจ ทั้งหมดใจข้า
มาดูอุปกรณ์อัดเพลง ทำคลิป ของผมกันดีกว่าครับ
สำหรับบทความนี้ จะมาอธิบายอุปกรณ์ต่างๆที่ผมใช้ อัดเพลง ทำคลิปสอน Cover
มาเริ่มกันเลยครับ
1.Sound Card Focsrite Scarlett 2i2
2.Mixer
3.Miccophone
4.Amp
ทั้งหมดนี่คือตัวที่ผมใช้อัดเพลง ปัจจุบันครับ ส่วนโปรแกรมที่ผมใช้อัด คือโปรแกรม Cubase ครับ
ลองมาฟังซาวด์กันดูดีกว่าครับ :)
มาเริ่มกันเลยครับ
1.Sound Card Focsrite Scarlett 2i2
เจ้าซาวด์การ์ดตัวนี้ จริงๆแล้วผมก็ไม่ค่อยมีความรู้อะไรมากนะครับ แค่เห็นมันสวยสีสดเลยซื้อเลย 555 แต่กว่าจะได้เจ้าตัวนี้มาผมก็ต้องเสียสละขายกีตาร์ของผมออกไป ตอนซื้อมาก็มานั่งคิดว่าเราจะทำอะไรตอนแรกคิดว่าจะเอามาทำเพลง แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะสร้างรายได้ให้ผมมาเยอะขนาดนี้ แต่เห็นหลายคนบอกเจ้าตัวนี้ไม่ค่อยโอเค สำหรับผม ผมว่ามันโอเคมากๆเลยนะ มันเพลงแบบ Home Studio ได้สบายเลยก็ว่าได้ ราคาก็พอประมาณครับ ช่วงนี้เจ้าตัวนี้มาแรง ตอนสมัยผมซื้อยังไม่ดังเท่าไหร่เลย
2.Mixer
จริงๆมิกซ์เซอร์ตัวนี้ผมซื้อต่อมาจากเพื่อน ี่เขาขายเพราะเขาไปซื้อรุ่นที่มันมี ชาแนลเยอะกว่านี้ ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะซื้อมาทำไม แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันทำให้มีประโยชน์ต่อการอัดเพลง เป็นอย่างมาก เอาไว้เพิ่มเสียงร้องตอนอัดเข้าไปอีก ถือว่า โอเค ที่ซื้อมา แต่ก็ยังจ่ายตังเขาไม่หมดซะที 5555 สุดท้ายมันก็สำคัญกับผมหลายอย่างทั้งอัดคลิป สอน ออนไลน์ ทำเพลง ได้หมดเลย
ไมค์ตัวนี้ บอกได้เลยว่า ราคาถูกมาก แต่ผมได้มาฟรี เพราะขอเพื่อนมา แต่หารู้ไม่ว่ามันอัดเสียงได้ไม่น้อยหน้ากว่าไมค์ที่ราคาแพงเลย แต่ก็ต้อปรับแต่งมันพอสมควรเลยนะครับ บางคนอาจยึดติดเรื่องของต้องดีคุณภาพถึงได้ จริงๆเขาก็พูดถูกครับ แต่ของถูกมันก็ทำได้เช่นกัน จริงๆผมว่ามันอัดได้ดีกว่าไมค์ Condenser ที่ผมมีซะอีก พูดเลย ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่านะครับ บางคนก็สงสัย ว่าผมใช้ไมค์อะไรอัด ตอนนี้ผมได้บอกข้อมูลทั้งหมดแล้ว
เจ้าตัวนี้เป็นแอมป์ที่ผมใช้อัดเลยครับ Lanney IRT Studio ส่วน cabinet ของ Jetcity ครับ ให้ซาวด์ที่แบบว่า ดิบ เถื่อน เลยก็ว่าได้ และผมก็เอาไว้ใช้สอนด้วยครับ เป็นน่าตาของร้านไปเลยก็ว่าได้
ลองมาฟังซาวด์กันดูดีกว่าครับ :)
เปิดสอนดนตรี กีตาร์ เบส อูคูเลเล่ รามคำแหง 24
รายละเอียด
เรียนตัวต่อตัว
คอร์สละ 1,200/4 ครั้งละ 1 ชั่วโมง
คอร์สละ 1,500/4 ครั้งละ 1.30 ชั่วโมง
สำหรับผู้ที่มาเรียนเป็นครั้ง คิดราคาชั่วโมงละ 400
เปิดสอนออนไลน์ ผ่าน โปรแกรม Skype Face Time คอร์สละ 1,400 บาทครับ
สนใจติดต่อสอบถาม 086-1722217 090-9616427 โอม
Facebook : https://www.facebook.com/ohmguitartutor
หลักสูตร
-ปรับพื้นฐาน
-การวอมอัฟ
-การวางนิ้ว
-สเกล
-ลูกฝึกต่างๆที่สามารถนำมาใช้ในการเล่น
-ทฤษฎีโน็ต
-การแกะเพลง
-การอิมโพไวส์
การเรียนการสอน
ผมจะเน้นสอนแบบง่ายๆให้เข้าใจง่ายๆครับ เรียนแบบ สบายๆไม่ซีเรียจ คนที่ไม่เคยเล่นกีตาร์มาก่อนเลยสามารถมาเรียนได้ครับ ผมเปิดรับสอนตั้งแต่หัดเล่นกีตาร์ รับรองไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน
สถานที่
รามคำแหง ซอย 24 แยก 30 หมู่บ้านศิขริน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)